วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ดูงาน การจัดการศึกษา มาเลเซีย,สิงคโปร์ โดยครูปรีดา

       
          เมื่อปี 2553 ผมมีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานต่างประเทศ ซึ่งก็ไม่ใช่ไหนไกล ถือเป็นเพื่อนบ้านและชาติอาเซี่ยนด้วยกัน
          มาเลเซีย และ สิงคโปร์  โดยเฉพาะสิงคโปร์ น่าสนใจมาก เพราะ ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของสิงคโปร์นั้น ถือว่าอยู่อันดับต้นๆของเอเซีย
          เริ่มต้นเดินทางโดย รถบัส เข้ากรุงเทพพักแถวสุขุมวิท (ไหนก็จำไม่ได้แล้ว) พอตื่นก็นั่งบัสมาเช็คอินที่สุวรรณภูมิไปหาดใหญ่ ถึงหาดใหญ่แต่เช้า
  จากนั้น ก็นั่งรถบัส จากสนามบินหาดใหญ่ไปด่านสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เป็นพรมแดนไทย มาเลเซีย (รัฐเกดะห์) และทานอาหารมื้อเช้าที่นี่หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยกันทุกคนแล้ว บางคนก็แลกเปลี่ยนเงิน "ริงกิต" ที่นี่ด้วย

   และแล้ว เราก็เจอ ไกด์นำคณะทริปนี้ เป็นคนรัฐปีนัง เชื้อสายจีน พูดไทยสำเนียงจีนเหมือนคนไทยเชื้อสายจีน เด๊ะ...(ไกด์ปีเตอร์)

     สถานที่แห่งแรกที่จะไปคือ รัฐปีนัง(บ้านไกด์ปีเตอร์) ข้ามสะพานปีนังที่ยาวที่สุดติดอันดับที่ 6 ของโลกที่ทอดยาวลงไปในทะเล ยาว 13.5 กิโลเมตร กว่าจะถึงปีนัง ก็เวลาเที่ยงวัน สภาพสิ่งก่อสร้าง สถาปัตกรรมของที่นี่ ก็เป็นตึก เป็นคอนโดสูง ไม่ต่างจากเมืองใหญ่ๆทั่วไป สภาพแวดล้อมสะอาด ร่มรื่นดี

          พอถึงก็ไปภัตตาคารจีนแห่งหนึ่งบนเกาะปีนัง ที่นี่ ไกด์ แจก แจ่วบองด้วย เพื่อไม่ให้หลายๆคน เลี่ยนอาหารจีน (เลี่ยนจริงๆ ถ้าไม่มีแจ่วบอง เย็นนี้ต้องฝันเห็นแน่นอน)


ภาพหน้าภัตตาคารจีน


รถบัสที่ไปรับ คณะของพวกเราตั้งแต่ลงเครื่องที่สนามบินหาดใหญ่

            หลังจากอิ่มหนำสำราญ ก็มานั่งหลับ อ๊ะ นั่งบัสคันนี้ชมเมืองปีนัง ก่อนข้ามสะพานที่ยาวที่สุดนี้กลับมาฝั่งมาเลย์อีกที


บริเวณท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ของปีนัง


          มีสามล้อแบบนี้ บริการนักท่องเที่ยวชมเมืองด้วย แต่คงร้อนน่าดู นี่แค่ผมนั่งอยู่บนรถบัสแอร์  ก็ยังมีความรู้สึกร้อนๆเลย  สักพัก ผมก็หลับ ให้ไกด์บ่นกล่อมนอนอย่างดี  มาตื่นอีกทีก็ได้ยินว่ากำลังเดินทางจะเข้าพักที่ เก้นติ้งไฮแลนด์ บนเขาทีมีอาการเย็นสบายตลอดทั้งปี เป็นโรงแรมที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ และการเดินทางขึ้นไปก็ สามารถขึ้นได้โดยรถบัส หรือ จะนั่งกระเช้าขึ้นไปก็ได้ และไกด์ก็จะพาเราไปขึ้นกระเช้ากัน
          เนื่องจาก คณะเดินทางซึ่งกว่าจะมาถึงที่นี่ก็มืดแล้ว การนั่งกระเช้าก็เลยขาดความงามจากทัศนียภาพ ความหวาดเสียวไปอย่างมาก แต่ถึงจะมืด ก็ยังมีคนกลัวจนต้องอธิษฐาน ให้หลวงปู่ หลวงพ่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยลูกช่วยหลานตามสไตล์


          หลังจากลงจากกระเช้า ไกด์ก็พาเดินมาที่โรงแรมซึ่งไกลมาก ต้องลากกระเป๋าขึ้นลงบันไดเลื่อนนับไม่ถ้วนแล้วก็มารอขึ้นลิฟท์ เพื่อขึ้นไปห้องพักที่นี่ครับ


          หลังจากเข้าห้องแล้ว นอกหน้าต่าง ผมก็ไม่พลาด เก็บบรรยากาศเป็นที่ระทึก โรงแรมใหญ่จริงๆ แล้วก็ไม่มีแอร์จริงๆ อากาศน่าจะประมาณ 13-14 องศา  แล้วก็หลับแบบไม่รู้เรื่อง เพราะเหนื่อยกับการเดินทางนั่งรถทั้งวันจริงๆ
          วันที่ สอง ของการเดินทาง เช้าวันที่ 5 เมษายน 2553 ผมได้เห็นภาพนี้ครับ


          เป็นภาพที่ผมบันทึกหลังจากอาหารเช้าแล้ว ไกด์นัดหมายให้ลงมาด้านล่างของโรงแรม หมอกลงจัด เหมือนไม่ใช่หน้าร้อน อุณหภูมิประมาณ 10-12 องศา


          ผู้เขียน ชอบบรรยากาศแบบนี้แบบส่วนตัวๆครับ ก็เลยตั้งบันทึกอัตโนมัติ สักภาพ เป็นบริเวณที่จอด บัส ที่จะนำคณะเราลงจากเขา และสิ่งที่ได้เจอที่แปลกตาก็คือ ต้นเฟิร์นยักษ์ครับ บ้านเราที่เคยเห็นก็มีแต่ต้นเล็กๆ


ต้นเฟิร์นยักษ์ มีตลอดเส้นทางลงจากเขา เก้นติ้งไฮแลนด์


          เส้นทางลงเขาที่โค้งไปโค้งมา บางช่วงก็เห็นตึกปิโตรนัส ที่กัวลาลัมเปอร์เลยทีเดียว และก่อนจะถึงพื้นล่าง บัสคณะทัวส์ได้จอดแวะร้านขายช็อกโกแลตของฝากของที่นี่ด้วย
  
          นี่คือกระจาดบรรดา ช็อกโกแลต แบบต่างๆนะครับ ไม่ใช่ไข่นกกระทา หรืออะไร วางจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวซื้อติดมือเป็นของฝาก พ่อค้าแม่ค้าที่นี่ พูดภาษาไทยคล่อง(สำเนียงจีน)น่ารักดี
          กำหนดการวันนี้ ไกด์จะพาชมสถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของมาเลเซีย และไฮไลท์ก็คือการศึกษาดูงานทางด้านการจัดการศึกษาของมาเลเซีย

ด้านหลังของผมคือ จัตุรัสเมอร์เดก้า (Merdeka Square)
เป็นอาคารสุลต่านอับดุล ซาหมัด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศมาเลเซีย เป็นสถาปัตยกรรมแบบ มูริส อินเดียผสมผสานกับศิลปะแบบอาหรับ ความสูงของยอดโดมมีขนาดเท่ากับ 40 เมตร และหอนาฬิกาที่สวยงาม ถ้ามาดูตอนกลางคือยิ่งสวย เพราะจะประดับด้วยหลอดไฟต่างๆ สวยงามครับ

          อากาศเริ่มร้อนสุดๆ น่าจะประมาณเกือบ 40 องศาได้ หลายคนไม่ยอมลงจากบัส ร้อนจริงๆ ส่วนผม ไม่ลงมาเก็บภาพนี้ได้ยังงัย มาทั้งที


          ยังอยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ครับ ที่เห็นในภาพนี้คือ "มัสยิดปุตรา" แห่งเมืองปุตราจายา รอยต่อเมืองหลวงของมาเลเซียกับซิลิคอนวัลเลย์ เมืองแห่งอนาคต ได้รับการออกแบบให้เป็นเมืองต้นแบบที่ทันสมัยด้วยสถาปัตยกรรมและงานดีไซน์ที่ล้ำหน้า ล้อมรอบด้วยความร่มรื่น สวน และ ทะเลสาบ มองไกลอีกหน่อยนั่นคือ "สะพานเสรีวาวาซาน" สะพานที่ไกด์อวดว่าสวยที่สุดในโลก วาซั่น...


อีกมุมสวยๆ ที่จับภาพได้ จริงๆ ถ่ายไว้หลายช็อต ได้ภาพนี้ครับ ดีที่สุด เมืองปุตราจายา

          ประมาณ บ่าย 2 เดินทางมาถึง โรงเรียน Sekolah Kebangsaan Port Dickson เป็นโรงเรียนประถมศึกษา


          ระบบการศึกษาในประเทศมาเลเซีย พัฒนาจากพื้นฐานเดิมของประเทศที่มีชาวมาลายูผู้นับถือศาสนาอิสลาม มีวิถีชีวิตแบบชาวมุสลิมตะวันออก เดิมระบบการบริหารการศึกษาของมาเลเซีย บริหารแบบไม่เป็นทางการ มีปอเนาะ มัสยิด หรือบ้านผู้รู้เป็นฐานในการจัดการศึกษา
          ระบบการบริหารการศึกษาของประเทศมาเลเซียอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงศึกษาธิการ แบ่งระดับการบริหารการศึกษาเป็น ระดับชาติ ระดับรัฐ ระดับอำเภอ ระดับกลุ่มโรงเรียน และระดับโรงเรียน เน้นโครงสร้างที่เล็กกระทัดรัด กระชับ และมีประสิทธิภาพ


คณะครูของโรงเรียน Sekolah Kebangsaan Port Dickson ให้การต้อนรับ


มุมหนึ่งของโรงเรียน  วิชาพลศึกษา


ภายในห้องเรียน หลังจากเลิกเรียนแล้ว นักเรียนจะช่วยกันทำความสะอาด จัดโต๊ะเก้าอี้อย่างเป็นระเบียบ


บรรยากาศของโรงเรียน สะอาด มีสวนหย่อมที่ดูเขียว ร่มรื่น


หลังคาทางเดินก็มีมุมความรู้ให้กับนักเรียน


ป้ายสูตรคูณต่างๆ ปักไว้ตามสวนหย่อม ดูดี แข็งแรง สวยงาม

          หลังจาก ร่ำลาคณะครูโรงเรียน Sekolah Kebangsaan Port Dickson  แล้ว คณะเราเดินทางไปที่เมือง มะละกา เข้าที่พักก่อนเข้าสิงคโปร์


ก่อนเข้าที่พัก ไกด์พาชมเมือง มะละกา เมืองในสวนจริงๆ นี่บรรยากาศยามค่ำคืนยังดูสวยงาม กลางวันคงร่มรื่นมาก


ไม่พลาดหรอกครับ ต้องเก็บภาพไว้เป็นที่ระทึกตามสไตล์


เป็นถนนหน้าโรงแรมที่พัก ถ่ายจากหน้าต่างโรงแรมอิมพีเรียล ด้วยกล้อง Cannon 500D บรรยากาศยามค่ำคืนของมะละกา


          เช้าวันที่ สาม หน้าโรงแรมอิมพีเรียล คณะเตรียมตัวเข้าสู่ประเทศสิงคโปร์ ที่ด่าน "ต๊วจ"จากนั้นกำหนดการแรกคือศึกษาดูงานที่โรงเรียน  San Yu Adventist School โรงเรียนในเครือคริสตจักรเซเว่นเดย์ แอ๊เวนติส ประเทศสิงคโปร์ ที่นี่ ไม่เพียงสอนนักเรียนให้มีความรู้ความสามารถทางวิชาการตามแบบแผนหลักสูตรการศึกษาของสิงคโปร์เท่านั้น แต่ยังเน้นอบรมหลักคุณธรรมคำสอนเพื่อให้เติบโตเป็นคนดีอีกด้วย  

          ผู้บริหารโรงเรียนคือ  Mr.Tang  Swee Keng   กล่าวว่าวิธีการรับนักเรียนเข้าเรียนโรงเรียนนี้เป็นนักเรียนสิงคโปร์และนักเรียนต่างชาติ รวมทั้งนักเรียนจากประเทศไทย  ซึ่งโรงเรียนให้ความสำคัญกับการรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดีและเน้นเด็กเก่ง  โดยรับนักเรียนที่มีคะแนนสูงกว่าเกณฑ์เท่านั้น 

          ส่วนหลักสูตรของโรงเรียนนั้น  โรงเรียนจัดวิชาเรียนด้วยการศึกษาคอมพิวเตอร์ทั้ง 2  ระดับ  คือทั้ง Primary  และ Secondary  โดยเฉพาะ Secondary  1  และ  2  ส่วน  Secondary  3  และ 4  นั้นจะเน้นเนื้อหาวิชาเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ศาสนาและวิชาเลือกของด้านวิทยาศาสตร์ 2 วิชา  จาก เคมี ชีววิทยา  และฟิสิกส์  นอกจากนั้น   โรงเรียนยังเน้นในเรื่องบุคลิกภาพ  และความเป็นผู้นำของนักเรียนมากกว่าการใช้เทคโนโลยี  เพราะมุ่งเน้นให้นักเรียนศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยในเครือข่ายทั้งในออสเตรเลีย และอเมริกา


นี่คือเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับสืบค้นของนักเรียนที่นี่ (ยังใช้จอรุ่นเก่า ที่ประเทศไทยใช้จอLCDแล้ว)


หน้าโรงเรียน  San Yu Adventist School โรงเรียนในเครือคริสตจักรเซเว่นเดย์ แอ๊เวนติส 
ประเทศสิงคโปร์ 


ถนนหน้าโรงเรียน San Yu Adventist School ดูร่มรื่นมากๆ ไม่ได้กลิ่นมลพิษเลยครับ


ทำไมถึงสะอาดได้ปานนี้ นี่คร้บ พวกเศษใบไม้ร่วงต่างๆ มันถูกเก็บกวาดลงถุงสีชมพูนี้ครับ


เป็นเมืองในสวนจริงๆ


เสร็จจากการดูงานการศึกษาแล้ว คณะก็เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆของประเทศสิงคโปร์ครับ อุโมงค์ทางลอดผ่านแยกต่างๆของเมืองสิงคโปร์แบบเป็นมิตรกับธรรมชาติ


ระบบอัตโนมัติ Scan ผ่าน Sim หน้ารถแบบเติมเงิน เมืองไทยก็มีแล้วเช่นกันครับแต่ไม่หรูหราปานนี้


ตึกสีสวยๆ กำลังปรับปรุง


Marina Bay Sands สถานที่ท่องเที่ยวสิงคโปร์สุดฮิต โรงแรมที่มี SkyPark เป็นรูปเรือเชื่อมตึกสามตึกเข้าด้วยกัน กำลังจะเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของสิงคโปร์ในอนาคต กำลังก่อสร้างและใกล้จะเสร็จแล้ว ไกด์บอกว่า มีแรงงานจากประเทศไทยมาทำตึกนี้เยอะมาก ว่างั้น... 


Merlion Park สิงโตพ่นน้ำสัญลักษณ์ของสิงคโปร์ ที่อ่าวมารีน่า มองไปเห็นมารีน่าเบย์ แซนด์


City Skyline ของสิงคโปร์ หมู่ตึกสำนักงานย่าน Raffles Place สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของสิงคโปร์ในเรื่องความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจการเงินของโลก


Sentosa Island เกาะแห่งความสนุกของการท่องเที่ยวครับ เกาะแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมาย เป็นแหล่งช๊อปปิ้ง คาสิโน ดูหนัง ดูคอนเสริต เป็นเกาะละลายทรัพย์อีกแห่งหนึ่งของสิงคโปร์


 Siloso Beach การแสดงบนชายหาด ที่ทำให้ผมตื่นตาตื่นใจมาก ฉากแสงสี พลุต่างๆ ทะเลที่มีฉากหลังเป็นเรือเดินสมุทรอยู่ที่เส้นขอบฟ้า เป็นการแสดงที่ประทับใจก่อนกลับที่พัก

          วันที่ สี่  มีเวลาในการช๊อปปิ้งสินค้าย่านที่พักจนถึงบ่าย 3 คณะทัวส์ก็นัดรวมเพื่อเดินทางไปสนามบินสิงคโปร์ โดยสายการบิน ไทเกอร์แอร์เวย์ ในเวลา 17.30 น.


ทันทีที่เครื่องบินขึ้นก็ถึงประเทศมาเลเซียทันทีครับ  ในภาพกำลังจะได้ภาพดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าสวยๆ  เจ้าไทเกอร์แอร์เวย์ก็ดันเอียงปีกเลี้ยวซะงั้น...


ถึงประเทศไทยเวลา 19.30 น. ในภาพนี้เป็นแสงไฟจากถนนต่างๆแถวๆบางนา ก่อนที่เครื่องจะลงสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นภาพที่แปลกตาและไม่เคยเห็นมาก่อน ผมกดไปหลายช็อต 

          สำหรับทริปนี้ ก็เป็นประสบการณ์ในการศึกษาดูงานที่ดีอีกโอกาสหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าจะได้ไปอีกไหมก็ไม่ทราบได้ ก็เลยพยามเก็บเกี่ยวนำประสบการณ์ หรือ สิ่งดีๆที่ได้เจอ มาเล่าสู่กันฟังนะครับ ภาพทั้งหมดบางส่วนรวมทั้งไฟล์วีดีโอนั้นได้ตัดต่อและนำขึ้นบน Youtube แล้ว ขอบคุณสำหรับการเข้ามาชมบล็อคของผม ขอบคุณครับ




































วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

เกือบตกเครื่อง วิ่งซิครับ โดย ครูปรีดา

บันทึกการเดินทาง : ตอน วิ่ง 1,000 เมตร ณ สุวรรณภูมิ

         ประสบการณ์ อีกหนึ่งเดียว ที่ผมจะลืมไม่ได้ซะแล้ว นั่นคือ เกือบพลาดเที่ยวบินกลับบ้าน (อุดรธานี) เมื่อวันที่  6  กันยายน  2557
                                ระเบียงห้องชั้น 7 โรงแรมเวลคัม จอมเทียน บีช พัทยา 05/09/57

          หลังจากทีมศึกษานิเทศก์ ที่มาสัมมนาวิชาการ 2557 ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน เสร็จสิ้นภาระกิจ ก่อนที่คณะจะเดินทางกลับอุดรธานี ผมขอให้ คณะฯ มาส่งผมที่โรงแรม เวลคัมฯ ซึ่งอยู่ห่างจาก แอมบาสซาเดอร์ ประมาณ 7-8 กิโลเมตร เพื่อเข้าสัมมนาต่อ เรื่อง Inspiring Science 2014 ซึ่งทางโครงการฯ เชิญ ศึกษานิเทศก์ทั่วประเทศ เข้ารับการสัมมนา และครูวิทยาศาสตร์ ม.ต้น นำเสนอผลงาน Inspiring Science
          โรงแรมเวลคัมฯ เป็นโรงแรมที่อยู่ห่างจากชายหาด(ทิศตะวันตก)ประมาณ 500 เมตร ถนนริมทะเลมีรถโดยสาร(สองแถว)วิ่งตลอด มี มอเตอร์ไซด์รับจ้างและแท็กซี่ และอีกด้านติดถนนใหญ่ 8 เลน (ทิศตะวันออก) ประมาณ 50 เมตร ไม่มีรถรับจ้างใดๆ....แปลกไหม ???
       

                                                                       ทิศตะวันตก


                                                              มองเห็นเกาะล้าน ระยะไกล
          หลังจาก ผ่านค่ำคืนวันที่ 5 กันยายน 2557 และแล้ว วันเปิดก็มาถึง 6 กันยายน  2557  บนชั้น 18 พิธีเปิดเป็นไปแบบเรียบง่ายตามสไตล์ฝรั่ง


          ในช่วงพิธีเปิด มีบรรยายพิเศษเกี่ยวกับโครงการฯ ผู้ให้การสนับสนุนโครงการฯ ความเป็นมาของโครงการในอนาคต ที่เห็นในภาพคือ อาจารย์ มาร์ค จาก British Counsil ประเทศอังกฤษ  ในงานนี้ที่ชั้น 2 มีบูชนิทรรศการ ผลงานของคุณครูวิทยาศาสตร์จากทั่วประเทศจัดแสดงให้ผู้สนใจได้เดินชมงาน นอกจากนั้นก็มี ตัวแทนครูจากเขตพื้นที่ นำเสนอผลงานในรูปแบบโปสเตอร์ด้วย
          ช่วงบ่าย เป็นการนำเสนอผลงานปากเปล่า แบ่งเป็นหลายห้อง ผมสนใจไปดูการนำเสนอผลงานปากเปล่าที่ชั้น 18 เพื่อเป็นกำลังใจให้กับ อาจารย์หน่อย (เพื่อน) ครูวราภรณ์  พิมรินทร์


          ถ่ายรูปกับ อาจารย์หน่อย วราภรณ์  พิมรินทร์ นำเสนอผลงานปากเปล่า ตัวแทนจาก สพป.อุดรธานี เขต 2 หนึ่งเดียวของจังหวัดอุดรธานี  อาจารย์หน่อย ได้ลำดับที่ 10 นำเสนอคนที่ 4 ของห้องนี้
          ผมคาดการณ์ว่า จะนั่งชมการนำเสนอของอาจารย์หน่อยก่อน คงไม่นาน ไม่น่าจะเกินบ่าย 2 จากนั้นผมก็จะเดินทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ  แต่ที่ไหนได้ กว่าจะถึงคิวของ อาจารย์หน่อย ก็ปาเข้าไป บ่าย 2 โมง 40 นาทีแล้ว ผมเลยขอตัวกลับก่อน เลยไม่ได้ชมการนำเสนอของอาจารย์หน่อยเลย...
          ผมแบกกระเป๋าลงมาจากห้องชั้น 7 ลงมาถามพนักงานที่ล็อปบี้ ว่า "มีรถเข้ามาบริการรับผู้โดยสารที่หน้าโรงแรมไหม"

พนักงานบอกว่า "ไม่ค่ะ ต้องเดินไปหน้าปากซอย ขึ้นสองแถวค่ะ"  ........

          OMG......นึกในใจ  ผมจะไม่มาโรงแรมนี้อีก ใครสั่งมา ก็จะไม่มา  ผมต้องเดินตากแดดเวลาบ่าย 3 โมงตั้งครึ่งค่อนกิโลไปหน้าปากซอย  ร้อนแทบเกรียม ถึงหน้าปากซอย สองแถวก็ไม่เห็นวิ่งมาซักคัน ไม่ไกลกันนัก มีคิวมอไซค์รับจ้างจอดอยู่ เลยว่าจ้างมอไซด์แทน กระเป๋าก็หนัก ต้องเอามาตั้งหน้าขาแล้วอุ้มแทน เฮ้อออ...

          มอเตอร์ไซด์ มาส่งที่ท่ารถตู้ร่วม บ.ข.ส. ระยะทาง โห๋...ไกลมาก  ค่ามอไซด์ 100 บาท เต็มใจให้ครับ เพราะไกลจริงๆ ถ้ามันขอ 150 ก็จะให้ครับ ผมก็อุ้มกระเป๋าซะแขนชาเลยทีเดียว
       

ภายในรถตู้ร่วม บ.ข.ส.

          ถึงท่ารถตู้ร่วม บ.ข.ส.  ซื้อตั๋ว  บอกไปลงสนามบินสุวรรณภูมิ  คนขายบอก "ไม่ได้ไปส่งในสนามบินนะคะ" ผมก็ถามว่า "แล้วมีรถอะไรบ้างไปสนามบิน" คนขายตั๋วบอก "เดี๋ยวเค๊าบอก"........เค๊าไหนว๊าา
แปลก....มันจะบอกว่า ต่อรถเมล์ รถแท็กซี่ ก็ว่าไป ก็ไม่ใช่คนแถวนี้ นี่หว่าาา...
          มองดูนาฬิกา 15.30 น. เริ่มสงสัยตัวเองแล้วครับ ว่า ผิดพลาดเรื่องการคำนวณเวลาซะแล้ว  เพราะคิดว่าเป็น ชลบุรี - กรุงเทพฯ  เดินทางประมาณ ชั่วโมงนิดๆ  แต่ที่นั่งอยู่ขณะนี้ มันไม่ใช่ ชลบุรี !!!!!!
ที่นี่  พัทยา.... โอ้แม่เจ้า...
          รถตู้ ล้อหมุน เวลา 15.40 น. เวลานี้ พัทยา รถติดยังกะกรุงเทพฯ จนกระทั่ง 16.00 น. ก็ยังไม่หลุดจากพัทยาครับพี่น้อง

และนับตั้งแต่ บ่ายสี่โมงนี้ไป ผมบอกเลยครับ ว่า ผมเครียดมากๆ  ผมมีไฟท์ 18.55 น. บางกอกแอร์เวย์ ที่สุวรรณภูมิ  แล้วเจ้ารถตู้นี่ ก็จอดแช่ นานเป็นครึ่งชั่วโมง กว่าจะออกจากพัทยาได้ ที่นั่งที่บอกข้างรถ 13 - 14 ที่ ไม่ใช่แล้วครับ มันอัดคนขึ้นมาเป็น 20 คนได้ เบาะสามนั่งสี่ ยืนก็ต่างหาก เฮ้อ...
       

          จากพัทยา  เข้า ศรีราชา  จาก ศรีราชา เข้าชลบุรี  ต้องผ่านแยก ไฟสัญญาณ ต่างๆ นับไม่ถ้วน ติดแยกแต่ละที นานหลายนาทีครับ แต่ใจชื้นขึ้นมาหน่อย โชเฟอร์ ขับเร็วได้ใจ  แยกไฟแดงบางที่ก็ไม่จอดติด พี่แกก็เล่นเลี้ยวออกซ้าย แล้ววนมาเข้าเลนใหม่ เออ..ค่อยยังชั่ว  ถึงอำเภอเมืองชลบุรี  17.10 น.ครับ ตอนนี้ ผมเริ่มคำนวณระยะทางจากนี่ ถึง สุวรรณภูมิใหม่ มีความหวังเล็กๆ ว่า "น่าจะทันนะ"  หยิบสมาร์ทโฟนเสียบเพาเวอร์แบงค์ เปิด GPS และ Map Google ดู OK น่าจะทันได้แบบไหนก็ยังไม่รู้เลย เพราะยังไกลอยู่
          ยังไม่ทันจะออกจากชลบุรีได้เท่าไหร่ รถตู้ถึงทางยกระดับ บางนา - ชลบุรี  ฝนก็ตกอย่างหนัก ชนิดมองแทบไม่เห็นทาง โอ้ แม่เจ้า อีกแล้ว เครียดอีกแล้ววว....

          สภาพฝนตก บนทางยกระดับ ห้ามใช้ความเร็วเกิน 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง  ทำงัยล่ะครับทีนี้ ผมก็เลย หายใจไม่ทั่วท้องแล้วครับ จะทำงัยดี  เริ่มหา แผน 2 ถ้าไม่ทันเครื่อง(ตกเครื่อง) ก็นั่งแท็กซี่ไป หมอชิต ซื้อตั๋ว ชาญทัวส์ กลับก็แล้วกัน  ค่าแท็กซี่่น่าจะ  450 บาท ค่ารถทัวส์ ก็ 550 เป็น พัน  แล้วก็จะโทรบอกทางบ้าน ไม่ต้องมารับแล้ว .......วินาทีนี้ กับภาพนอกหน้าต่างรถตู้ภาพนี้ บอกเลยครับว่า เครียดมาก

          17.55 น. รถมาจอดหน้า homepro ไหนก็ไม่รู้นะครับ รู้แต่มันอยู่ตรงข้ามกับถนนที่จะไปสนามบินสุวรรณภูมิ  ผมรีบขอทางมายกกระเป๋าหนักๆของผม พอลงจากรถตู้ได้ ผมวิ่งเลยครับ ไกลเท่าไหร่ไม่ทราบ มองไปข้างหน้า ผมเห็นคนเดินออกจากแท็กซี่คันนึงสดๆร้อนๆ  ผมก็รีบก่อนเลย ไม่สนว่าใครจะแย่งก่อน ฝนก็ยังตกๆ เปียกๆ อยู่ โชคดีที่ พี่แท็กซี่คนนี้ พอผมบอกไปสุวรรณภูมิ พี่แกก็พยักหน้าทันที ผมบอกว่า พี่ครับ รีบให้ผมหน่อย เครื่องออก 18.55 เหลือเวลาอีก 55 นาที  พี่แท็กซี่ก็ใจดีครับ เหยียบให้ซะน้ำสาดกระเด็น แซงซ้าย แซงขวาให้ ได้ใจจริงๆ แล้วพี่เค๊าก็ปลอบใจว่า ทันอยู่หรอกครับ ใจเย็นๆ แต่ผมก็ยังเย็นไม่ไหวครับ มันร้อนตั้งแต่ ศรีราชาแล้ว  แท็กซี่มาจอดหน้าชั้น 4 ชั้นเช็คอิน 18.12 น. ค่าแท็กซี่ 120 บาท หยิบกระเป๋าได้ ผมก็วิ่งเท่านั้นครับ เคาเตอร์ F อยู่ไม่ไกล
          หน้าเคาเตอร์ F มีผู้โดยสารเช็คอิน ยืนคิวอยู่ ด้วยความใจร้อน ผมเกือบลัดคิว สาวไต้หวัน สองคนที่ยืนรออยู่ข้างหน้าซะแล้ว เกือบไป (เกือบเสียชื่อประเทศไทย) พอดี มีเคาเตอร์ที่ว่างอยู่ถัดไป น้องพนักงานเช็คอินหน้าเคาเตอร์กวักมือเรียกผมเข้าเช็คอิน  พอยื่นบัตรให้

น้องๆพนักงาน คนที่ 1 ของบางกอกแอร์เวย์ถามผมว่า "ท่านผู้โดยสารจะเดินทางไปไหนค่ะ"
ผมบอก "อุดรธานี"  ทันทีที่บอกว่า"อุดรธานี"

น้องพนักงานคนที่่ 1 ก็ตอบกลับมาว่า เคาเตอร์ปิดแล้วนะคะ
ผม ".....อ้าววว....เอาแล้วไง...ว่าแล้ววว...."แต่ผมก็ไม่รู้นะ ว่า "เคาเตอร์ปิดแล้ว" มันคืออะไร ?

ผมกำลังจะถามน้องเค๊าว่า สรุป ผมตกเครื่องแล้วใช่ไหม ?.... แต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก

น้องพนักงานคนที่ 1 คนนี้  ก็เรียกพนักงานอีกคนเป็นคนที่ 2 (ชุดยูนิฟอร์ม ถือ วิทยุสื่อสาร)ว่าจะทำอย่างไรดี

น้องพนักงานคนที่  2 นี้ ถามผมว่า "มีสัมมภาระไหมคะ"
ผมก็บอกว่า "มี หนักด้วย"

แล้วน้องพนักงานคนที่ 2 ก็สั่งให้เคาเตอร์ที่อยู่ถัดไปอีก(ข้างกัน) ทำการเช็คอินตั๋วให้
แล้วแจ้งว่า "ท่านผู้โดยสารต้องนำกระเป๋าขึ้นเครื่องนะคะ เพราะ โหลดใต้ท้องเครื่องปิดแล้ว ให้ท่านผู้โดยสารทำการ สแกนกระเป๋า ถ้ามีของเหลว ต้องทิ้งนะคะ"
จากนั้น

พนักงานหน้าเคาเตอร์ คนที่ 3 ก็ยื่นบัตรโดยสารให้ผม เท่านั้นหละครับ ผมใจชื้นขึ้นมาทันที .......

แต่ก่อนที่ผมจะรับตั๋วมา น้องพนักงานคนที่ 3 แนะนำ"ให้รีบอย่างที่สุด เพราะ Gate B5 คือ ....อยู่ท้ายสุดด้านตะวันออกของสุวรรณภูมิ ประมาณ 1,000 เมตร จากที่นี่ และ โอกาสต่อไป ขอความกรุณาเช็คอินก่อน 1 ชั่วโมงครึ่งนะคะ....."


          ต้องขอบคุณในคำชี้แนะ และพี่คงไม่แก้ตัวใดๆ ในใจของผมในตอนนี้ก็คือ  วิ่ง.........
ด่านแรก  สแกน กระเป๋า เนื่องจากไม่ได้โหลดใต้ท้องเครื่อง นอกนั้น ก็ สมาร์ทโฟน กระเป๋าสะพาย

จากนั้นก็วิ่งลงบันไดเลื่อน ลากกระเป๋าวิ่งบนทางเลื่อนไปจนสุดตัวอาคารของสุวรรณภูมิ เข้า Gate B5 เหนื่อยแทบขาดใจ.....

          ว่าแต่ ระหว่างทางที่วิ่งมา ทำไมไม่ค่อยมีคนเลย สุวรรณภูมิที่ผมเคยเห็น มันต้องคนเยอะแยะเต็มไปหมด ทั้งฝรั่งจีนไทย แต่..ไม่มีเลย เงียบมาก แสงสว่างก็ไม่ค่อยมี เป็น มืดๆ มีแต่แสงส่องป้ายเท่านั้นที่พอจะสว่างมองเห็นว่าเป็นห้องอะไร  โดยเฉพาะ ร้านค้าดิวตี้ฟรี King Power  ไม่มีคนพลุกพล่านเหมือนที่เคยเห็น ผิดปกติมากๆ

          และแล้ว ผมก็เข้ามาถึง Gate B5 ของ สายการบิน บางกอกแอร์เวย์ ผมก็ตกใจอีกครั้ง ว่า
ทำไม โหล๋งเหล๋ง ! หรือ ผู้โดยสารขึ้นเครื่องกันหมดแล้ว ประมาณโดยสายตา น่าจะไม่เกิน 20-25 คน สิ่งที่นึกคิดไว้ล่วงหน้า กลายเป็นกลับกัน
          ผมลากกระเป๋าเดินไปที่เคาเตอร์ทางออกขึ้นเครื่อง ยังไม่ทันนั่งพักเหนื่อย พนักงานประตูทางออกก็เรียกแถวขึ้นเครื่องทันที  แฮ่กๆ...(หึดขึ้นคอ)


ฝนตกไม่หยุด
          ได้ที่นั่ง  10F (ติดหน้าต่าง กาบขวา) ตอนแรกคิดว่า ถ้าที่เก็บกระเป๋าเหนือที่นั่ง ไม่สามารถรับกระเป๋าหนักผมได้ ก็จะวางข้างล่าง ข้างๆนี่แหละ แต่แล้วก็ เก็บได้ครับ ช่องสัมภาระใหญ่มาก เพราะเป็น แอร์บัส A320 

                                                               



                               เป็นไฟท์แรกที่ใช้บริการ บางกอกแอร์เวย์ครับ ก็เลยแปลกตาบ้าง



                                                                       ดูทรงผมซิครับ

          ความรู้สึกตอนนี้คือ หายเครียดเป็นปลิดทิ้งเลย ตั้งแต่ ศรีราชา ยอมรับว่าเป็นคน ใจร้อนครับ แต่ผ่านไปแล้วด้วยดี ถือเป็นโชคดีของผม


 
           ทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ก็เลยจัดไปทุกอย่าง  ขนมปังไส้ฮอตดอก น้ำดื่ม น้ำส้ม และ ช็อคโกแลต ครับ



          และแล้วก็กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพครับ ที่เห็นในภาพคือ เมืองอุดรธานี ก่อน 2 ทุ่มเล็กน้อยนั่นเอง  ประสบการณ์ในครั้งนี้ ต้องจำไว้เตือนตัวเองเวลาเดินทางครั้งต่อไป ถ้ามาแถวพัทยา แล้วจะมาต่อเครื่องกลับ ต้องเผื่อเวลาเยอะๆ  4 ชั่วโมงไม่พอครับ  อย่างเช่นครั้งนี้ ผมควรจะต้องออกเดินทางตั้งแต่บ่ายโมง ถึงจะพอดี อย่าลืมว่า เดี๋ยวนี้ รถเยอะ แยกเยอะ รถติด ยิ่งฝนตก ยิ่งติดหนัก กว่าจะผ่านแต่ละอำเภอ อีกอย่าง รถตู้โดยสาร เค๊าก็ทำมาหากิน  ถึงแม้จะผิดกฎหมายบ้าง ถูกบ้าง รับผู้โดยสารเกินกว่ากำหนดบ้าง  จ่ายค่ามาเฟียประจำท่ารถ รายทางทุกอำเภอบ้าง ก็ช้าอย่างที่กล่าวครับ

                                                                            สวัสดีครับ....
                                                                    ป.เกษม  พงษ์วุฒินันท์

ภาพทั้งหมดที่โพสต์ในบล็อกนี้ เป็นภาพจากเหตุการณ์จริง